12 ข้อควรปฏิบัติ สำหรับการปั่นจักรยานในเวลากลางคืนโดยเฉพาะ ~ Bike Safety Backpack

!!! ทำไมต้องออกมาปั่นจักรยานกลางคืน? !!!
คำถามที่หลายคนสงสัย? เพราะภาพกลุ่มจักรยานติดไฟหน้าไฟท้ายปั่นตระเวนราตรี เริ่มเป็นภาพคุ้นตาของผู้ใช้รถใช้ถนนกันพอสมควรแล้ว และยิ่งนานวันกระแสการปั่นจักรยานกลางคืน หรือที่เรียกว่า Night Ride ก็ยิ่งทวีความนิยมอย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะภายในปีถึงสองปีมานี้มีกลุ่มปั่นกลางคืนผุดขึ้นราวดอกเห็ด

!!! แต่ที่น่าสนใจกว่านั้น คือ ทำไมต้องมาปั่นจักรยานกันตอนกลางคืน??? ทั้งที่ใครๆ ก็บัญญัติว่าเป็นห้วงเวลาแห่งอันตราย เหตุผลที่พอจะรวบรวมได้ ประกอบด้วย ประทับในบรรยากาศที่สวยงามของช่วงเวลากลางคืน การได้ขี่สบายผ่อนคลายกว่าในเวลากลางวัน เพราะไม่มีแดดร้อน มีรถยนต์น้อยกว่า ไม่มีเวลาออกกำลังกาย หรือความรู้สึกว่าได้ผจญภัยไปอีกแบบหนึ่ง ฯลฯ

!!! แต่การขี่จักรยานกลางคืนก็ไม่ใช่เรื่องสนุกสำหรับคนทุกคน !!! มีความเสี่ยงต่ออันตรายบางอย่างเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากความมืดที่ทำให้ความสามารถในการมองเห็นลดลง ทั้งคนขี่จักรยานเองและผู้ใช้ยานยนต์อื่นๆ รวมถึงภัยจากพวกมิจฉาชีพที่ดักจี้ปล้นในมุมมืดมุมเปลี่ยว จึงไม่แปลกที่หลายคนรู้สึกว่าการขี่จักรยานกลางคืนน่ากลัวกว่าตอนกลางวัน อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะ Day Ride หรือ Night Ride ก็มีอัตราเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุทั้งบนท้องถนนได้ทั้งนั้น

จึงขอนำ 12 ข้อควรปฏิบัติ สำหรับการปั่นจักรยานในเวลากลางคืนโดยเฉพาะมาเล่าสู่กันฟัง เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับเหล่านักปั่นทุกท่าน ดังนี้ครับ

ข้อที่ 1 การสวมหมวกนิรภัย เป็นข้อปฏิบัติพื้นฐานที่ทุกคน ต้องห้ามลืม!!! เพราะศีรษะเป็นอวัยวะที่สำคัญ โดยต้องสวมหมวกนิรภัยเป็นประจำทุกครั้งที่ขึ้นอานจักรยาน ถึงแม้มันอาจจะน่ารำคาญไปบ้าง แต่ก็เพื่อป้องกันการบาดเจ็บและลดอัตราการเสียชีวิตหากเกิดอุบัติเหตุขึ้น ทั้งนี้จากสถิติของประเทศสหรัฐฯ 74% ของการบาดเจ็บนั้น เกิดขึ้นที่บริเวณศรีษะ

ข้อที่ 2 การติดไฟส่องสว่างและไฟสัญญาณที่ใช้ได้ดี ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ซึ่งเป็นไปตามข้อบังคับในพระราชบัญญัติการจราจรทางบก พ.ศ.๒๕๒๒ แต่ถึงจะไม่มีกฎหมายกำหนดไว้ การมีไฟส่องสว่างก็น่าจะเป็นสิ่งจำเป็นที่สุดที่เพิ่มขึ้นมา สำหรับการขี่จักรยานในเวลากลางคืน เพื่อส่องสว่างให้เห็นทางถนนได้อย่างชัดเจนด้วยไฟด้านหน้า รวมถึงแสดงตัวตนบนท้องถนนให้รถคันอื่นๆ เห็น ด้วยไฟด้านหลัง นอกจากนั้น ควรแน่ใจว่าเมื่อติดไฟแล้วจะสามารถปรับทิศทางการส่องให้เหมาะสมได้ และควรจะมีไฟสำรองติดตัวไว้อีกชุดหนึ่งด้วย

ข้อที่ 3 การใช้เครื่องช่วยการมองเห็น เพื่อทำให้คนขับรถประเภทอื่นๆ สามารถมองเห็นผู้ขี่จักรยานได้ชัดจากระยะไกลและสามารถระมัดระวังได้ดีขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ควรให้ความสำคัญอย่างมาก เช่น การใส่เสื้อผ้าสีสดหรือสีสะท้อนแสง หรือใช้อุปกรณ์ที่ช่วยให้ยานพาหนะที่มาทางด้านหลังสามารถเห็นได้ง่าย อาทิ เสื้อกั๊กติดแถบสะท้อนแสง , เข็มขัดแถบสะท้อนแสง , สายรัดข้อเท้า-รัดแขนที่เป็นแถบสะท้อนแสง และกระเป๋าเป้สะพายหลังติดไฟสัญญาณบอกทิศทาง เป็นต้น

ข้อที่ 4 การมีโทรศัพท์ติดตัว และแจ้งให้มีคนรู้ว่าเราจะเดินทางกลางคืนในช่วงก่อนเริ่มออกเดินทาง คนที่ทราบเรื่องจะได้ดำเนินการหากมีสิ่งผิดปกติหรือผิดสังเกต เช่น ใช้เวลามากกว่าที่ควรเป็นแล้วยังไม่ถึงจุดหมายปลายทาง จะได้โทรศัพท์ตรวจสอบกับเราได้ว่าเป็นอะไรหรือไม่ หากติดต่อเราไม่ได้ เขาก็อาจจะแจ้งให้มีคนมาตรวจสอบว่าเราเป็นอะไรหรือช่วยเราได้ และหากตัวเราเองประสบปัญหาที่เกินกำลังความสามารถที่จะแก้ไขได้ด้วยตนเอง เราก็สามารถโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือได้ด้วย ทั้งนี้หมายความว่าคุณต้องมีโทรศัพท์ที่คุณแน่ใจว่าแบตเตอรี่มีไฟฟ้าเพียงพอติดตัวไปด้วยเวลาขี่จักรยาน และรู้หมายเลขโทรศัพท์ที่จะติดต่อขอความช่วยเหลือได้ในเรื่องต่างๆ

ข้อที่ 5 การใช้ยางที่เกาะถนนดีขึ้น ถ้าต้องขี่จักรยานในเวลากลางคืนหรือในที่มืดเป็นประจำ ก็เป็นความคิดที่ดีที่จะเปลี่ยนไปใช้ยางที่มีหน้ายางกว้าง มีดอก ที่เกาะถนนดีกว่า มีโอกาสล้มน้อยกว่า หากจักรยานตกหลุมหรือร่องบนถนน หรือขี่ผ่านสภาพถนนที่ลื่นกว่าทั่วไปโดยไม่คาดคิด

ข้อที่ 6 การเลือกเส้นทางที่น่าจะปลอดภัยกว่า และหลีกเลี่ยงการขี่ในเส้นทางที่เปลี่ยว การขี่จักรยานในเวลากลางคืน จะดีกว่าและปลอดภัยกว่า หากเราเลือกใช้เส้นทางที่เราคุ้นเคย ขี่เป็นประจำ หรืออย่างน้อยเคยขี่ผ่านมาแล้วในเวลากลางกัน รู้สภาพถนนดีพอสมควร รู้ว่าจุดใดมีความเสี่ยงมากกว่าปกติ ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพื่อลดความเสี่ยงลง แม้อาจเป็นไปได้เสมอที่สภาพถนนจะเปลี่ยนไป แต่ก็ยังดีกว่าไปในเส้นทางที่ไม่มีความชำนาญเลย นอกจากอันตรายที่มากับสภาพถนนและผู้ขับรถประเภทอื่นๆ แล้ว ยังมีอันตรายจากคนด้วยกันเองที่มากับความมืดด้วย การขี่จักรยานเวลากลางคืนตามลำพังบนเส้นทางที่เปลี่ยวปราศจากผู้คน บ้านเรือนร้านค้า ย่อมเพิ่มความเสี่ยงที่จะถูกโจรผู้ร้ายจี้ปล้น จึงควรหลีกเลี่ยงเสียหากทำได้

ข้อที่ 7 การขี่จักรยานให้ห่างจากรถยนต์ในระยะที่เหมาะสม หรือประมาณ 1 เมตร ทั้งนี้อาจจะไม่ได้บังคับว่าต้องห่างจากรถยนต์ 1 เมตร ตลอดเวลา เพราะถนนในบ้านเราอย่างที่รู้ๆ กันอยู่ว่าสัดส่วนความกว้างถนนไม่เท่ากัน ดังนั้นต้องใช้วิจารณญาณเวลาต้องปั่นในเส้นทางถนนที่แคบ ว่าควรเว้นระยะห่างเพียงใด เพราะหากถูกรถยนต์เกี่ยวติดไปอาจถึงแก่ชีวิตได้

ข้อที่ 8 การหมั่นมองกระจกมองหลัง หรือหันไปดูเมื่อได้ยินเสียงผิดปกติ การขี่จักรยานนอกจากจะให้ความสำคัญในการมองไปข้างหน้าแล้ว ก็ต้องเหลียวมองด้านหลังด้วยเช่นกัน หากพบเห็นรถที่ขับเร็ว หรือช้ากว่าปกติ ให้เตือนเพื่อนนักปั่นและปั่นหลบให้พ้นทางโดยเร็วที่สุด เพื่อป้องกันการถูกเฉี่ยวชนได้

ข้อที่ 9 การเก็บทรัพย์สินติดตัวให้มิดชิด บางคนสะพายกระเป๋าใบโตรุงรังปั่นจักรยาน ซึ่งจะทำให้เตะตาพวกโจรอย่างแน่นอน แม้กระทั่งกระเป๋าคาดเอวก็เคยเกิดเหตุโดนกระชากเอาทรัพย์สินไปมาแล้ว ดังนั้น อย่าพกทรัพย์สินมากเกินไป ควรใช้กระเป๋าที่กระทัดรัด พกพาได้สะดวก หรือหาเสื้อคลุมมาปิดให้ดูมิดชิดมากยิ่งขึ้น

ข้อที่ 10 การใช้ความเร็วน้อยลง แม้จะรู้สภาพเส้นทางดีอย่างไร เราก็ต้องคำนึงถึงความเสี่ยงที่เพิ่มมากขึ้นจากความมืด โดยขี่จักรยานให้ช้าลง และเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น เพื่อให้ไปถึงจุดหมายให้ได้อย่างปลอดภัย

ข้อที่ 11 การหาเพื่อนร่วมทาง หรือจับกลุ่มกันปั่น เมื่อไปในเส้นทางเดียวกัน เพราะการขี่จักรยานร่วมกันไปหลายคัน ไม่ว่าในเวลากลางวันหรือกลางคืน จะทำให้ผู้ขับรถเห็นได้ง่ายกว่า และมักจะทำให้ผู้ขับรถ ขับห่างออกไปจากจักรยานมากกว่ามีจักรยานแล่นอยู่คันเดียว ไม่ว่าเขาจะขับแซงขึ้นไปหรือขับสวนทางมา และโจรผู้ร้ายก็จะไม่ลงมือทำการ ดังนั้น ลองทักทายเพื่อนนักปั่นร่วมทางเดียวกันบ้าง โดยเฉพาะคุณผู้หญิง เวลาเกิดเหตุอะไรจะได้สามารถช่วยแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างทันถ่วงที ทั้งนี้ เวลาปั่นด้วยกันไม่ควรทิ้งห่างกันมาก ควรให้อยู่ในระยะที่มองเห็นกันได้ด้วย

ข้อที่ 12 การพกอุปกรณ์ซ่อมจักรยานพื้นฐานไปด้วย จากข้อที่ 11 หากปั่นกันเป็นกลุ่ม ในกลุ่มควรจะต้องมีส่วนอุปกรณ์ซ่อมจักรยานพื้นฐาน เช่น ชุดปะยาง สูบลม ฯลฯ ติดจักรยานไปด้วย โดยเฉพาะในเวลากลางคืน เพราะหากมีเหตุสุดวิสัยที่ต้องแก้ไข เช่น หยุดซ่อมหรือปะยางจักรยาน จะได้ดำเนินการได้สะดวก รวมทั้งยังจะมีเพื่อนร่วมทางของเราที่จะคอยช่วยส่องไฟฉายให้เราซ่อมได้ง่ายและสะดวกขึ้น หรือแม้กระทั่งช่วยดูรถที่แล่นผ่านไปมา

" ถ้านักปั่นทั้งหลายสามารถปฏิบัติได้ตามนี้แล้วละก็ เชื่อว่าการขี่จักรยาน ในเวลากลางคืน คงจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดีอย่างแน่นอน "

Design by Bike Safety Backpack

Reference : http://backpackbike.blogspot.com/

กระเป๋าเป้สะพายหลังแบบกันน้ำ

สีสันและดีไซน์สวยงามทันสมัย (Bright yellow / Orange)

เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการปั่นจักรยาน เพราะสามารถแสดงไฟสัญญาณกระพริบบอกทิศทาง (ตรงไป / เลี้ยวซ้าย / เลี้ยวขวา / หยุด) โดยควบคุมจากอุปกรณ์ไร้สาย ซึ่งจะแสดงให้เห็นความตั้งใจของผู้ปั่นจักรยานอย่างชัดเจน เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทาง ทั้งเวลากลางวันและเวลากลางคืน

ผลิตจากไนล่อนกันน้ำคุณภาพดี และใช้วัสดุผลิตทุกชิ้นส่วนที่มีมาตรฐาน คุ้มค่าต่อการใช้งาน ทั้งกลางแจ้งและในร่ม ใช้ได้ทุกเพศ ทุกวัย

ขนาดกะทัดรัด เพียง 36 x 21 x 12 เซนติเมตร น้ำหนักเบา ทำให้สะดวกต่อการเคลื่อนที่

นอกจากนี้ระบบไฟสัญญาณยังสามารถทำงานต่อเนื่องติดต่อกัน ได้ถึง 20 ชั่วโมง ใช้งานง่าย พร้อมทั้งมีช่องทางออกของกระเป๋า สำหรับหูฟังโดยเฉพาะ

ส่วนต่างๆ ของกระเป๋า

1. ส่วนแรก ด้านหน้าสุดของกระเป๋า เป็นส่วนของอุปกรณ์รับสัญญาณแสดงไฟสัญญาณกระพริบบอกทิศทาง เชื่อมต่อกับกระเป๋าด้วยซิปและ Magic Tape (แถบตีนตุ๊กแก)
2. ส่วนที่สอง ถัดเข้ามาเป็นส่วนเก็บของหลัก เปิด / ปิดด้วยซิป ภายในแบ่งเป็น 2 ส่วน สามารถแยกเก็บของต่างๆ ได้ เช่น โทรศัพท์มือถือ เครื่องเล่นเพลงพกพา กระเป๋าเงิน ผ้าขนหนูเช็ดหน้า ฯลฯ มีช่องทางออกของกระเป๋า สำหรับหูฟังโดยเฉพาะ
3. ส่วนที่สาม ด้านหลังสุดของกระเป๋า มีผ้าตาข่ายบุฟองน้ำอ่อนนุ่ม รองรับสรีระบริเวณส่วนที่สัมผัสกับด้านหลัง
4. ส่วนที่สี่ ส่วนของสายสะพาย เป็นสายสะพายน้ำหนักเบา ที่มีตัวล็อค 2 ตัว ทั้งด้านบนและด้านล่าง เพื่อความกระชับในการเคลื่อนที่ สามารถปรับแต่งขนาดได้ตามความเหมาะสม

รายการอุปกรณ์มาตรฐาน

1. กระเป๋าเป้สะพายหลังแบบกันน้ำ และสามารถแสดงไฟสัญญาณกระพริบบอกทิศทาง จำนวน 1 ใบ
2. อุปกรณ์ส่งสัญญาณและควบคุมทิศทางไฟสัญญาณกระพริบบอกทิศทาง พร้อมตัวฐาน จำนวน 1 ชุด
3. สายรัดเคเบิ้ลไทร์ (cable tie) สำหรับยึดติดอุปกรณ์ส่งสัญญาณฯ กับจักรยาน จำนวน 4 เส้น
4. สาย USB สำหรับการชาร์จอุปกรณ์รับสัญญาณแสดงไฟสัญญาณกระพริบบอกทิศทาง จำนวน 1 เส้น
5. เอกสารแนะนำการใช้งาน จำนวน 1 ฉบับ

ค่าพารามิเตอร์ของอุปกรณ์ส่งสัญญาณและควบคุมทิศทางไฟสัญญาณกระพริบบอกทิศทาง

1. ความถี่ของสัญญาณ : 2.4 GHZ
2. ระยะการควบคุม : ภายในระยะ 3 เมตร
3. แบตเตอรี่ : ถ่านขนาด CR2032 จำนวน 2 ก้อน แบบไม่ต้องชาร์จ ซึ่งสามารถหาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาดทั่วไป

4. วัสดุของเปลือกหุ้ม : แบบ ABS ซึ่งเป็นวัสดุที่มีความสมดุล ด้านความแข็งและความเหนียว พร้อมทั้งมีคุณสมบัติทนทานต่อแรงกระแทก แรงเสียดสี ความร้อน และสารเคมีได้เป็นอย่างดี

5. มาตรฐานระบุความสามารถในการกันน้ำของอุปกรณ์ : ระดับ IPX5 ซึ่งสามารถกันน้ำฉีดใส่ได้ในทุกทิศทาง

ค่าพารามิเตอร์ของอุปกรณ์รับสัญญาณแดงไฟสัญญาณกระพริบบอกทิศทาง

1. แบตเตอรี่ : แบตเตอรี่ลิเธียม แบบ 3.7 V 850 mAh ซึ่งสามารถทำงานต่อเนื่องติดต่อกันได้ถึง 20 ชั่วโมง พร้อมทั้งสามารถรีชาร์จได้โดยเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ หรือ Adapter ขนาด DC 5 V 500 mA (เวลาในการชาร์จ 2 ชั่วโมง)
2. วัสดุใช้ในการทำ : เป็นแผ่นวงจรสำเร็จรูป PCBA